วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตำราปลูกเรือน


ตำราปลูกเรือน
            สิทธิการิยะ ท่านกล่าวไว้ให้รู้ดีรู้ร้าย ถ้าจะปลูกเรือน ปลูกกุฏิ วิหาร ปลูกศาลา ปลูกปราสาท ปลูกจวน ปลูกทับ ปลูกโรงวัวโรงควาย โรงม้า โรงช้าง ปลูกครัวไฟ และปลูกโรงน้ำกิน ท่านให้ดูตามตำราก่อนดังนี้

ปลูกเรือนตามเดือน
            ถ้าปลูกเรือนในเดือนห้า ทุกข์เท่าฟ้าจะมาถึงตน เดือนนั้นไม่เป็นผล จะเกิดภัยอันตราย

            ปลูกเรือนในเดือนหก เสียบำเหน็จสิ้นทั้งผอง ทรัพย์สินอันตนครอง เสียที่ตัวจะร้ายไฟ

            ปลูกเรือนในเดือนแปด ให้ร้อนรนทุรนใจ สิ่งสินตนเท่าใด อาจได้มิคงทน

            ปลูกเรือนในเดือนเก้า อีกข้าวของจะมากมี

            ปลูกเรือนในเดือนสิบ จะฉิบหายต้องขื่อคา  ทั้งพยาธิจะมีฑา อันตรายจะปะปน

            ปลูกเรือนในเดือนสิบเอ็ด เอาความเท็จมาใส่ตน เดือนนั้นมิเป็นผล จะเกิดภัยอันตราย

            ปลูกเรือนในเดือนสิบสอง เงินและทองย่อมเหลือหลาย ช้างม้า และวัวควาย มีทั้งทาสีและทาสา

            ปลูกเรือนในเดือนอ้าย ย่อมจะได้เป็นเศรษฐี สิ่งสินจะพูนมี เพราะเดือนนี้ก็เป็นผล
            ปลูกเรือนในเดือนยี่ เมื่อดิถีก็ชอบกล ข้าศึกและแสนผล อาจจะกันทั้งศัตรู
            ปลูกเรือนในเดือนสาม ภัยติดตามดุจอสูร ครั้นเมื่อถึงฤดูย่อมเกิดภัยอันตราย
            ปลูกเรือนในเดือนสี่ เดือนนั้นมีสุขสบาย ทุกข์โศก บรรเทาหาย ย่อมพูนมา


ปลูกบ้านตามเดือน

เดือนอ้าย (ธ.ค)ได้เมื่อสมุทรโฆษถูกวิทยาธรฉกพระขรรค์ ทำการไม่ดี
เดือนยี่ (ม.ค)ได้เมื่อพระรามเกิดทำการดี
เดือนสาม (ก.พ)ได้เมื่อพระรามกลืนยาพิษ ทำการไม่ดีแล
เดือนสี่ (มี.ค)ได้เมื่อพระสมุทรโฆษได้นางพินทุมดี ทำการดี
เดือนห้า (เม.ย)ถึงกาลโจรฆ่าพราหณ์ ไม่ดีแน่
เดือนหก (พ.ค)ตกพระเจ้าเสด็จอุบัติเหตุ ทำการดีทุกวัน
เดือนเจ็ด (มิ.ย)พระนาราย์ปราบยักษ์ อย่าทำจะดีกว่า
   เดือนแปด (ก.ค)ราพณาสูรต้องโมกขศักดิ์พระราม ไม่ดี
   เดือนเก้า (ส.ค)ตกพระจันทร์กุมารเกิด ทำการทุกอย่างดีนักแล

เดือนสิบ (ก.ย)ตกได้เมื่ออภิเษกพระอินทร์ พักไว้ก่อนอย่าทำ
เดือนสิบเอ็ด (ต.ค)ได้เมื่อพระรามข้ามทะเล ไม่ดีอย่าทำ
เดือนสิบสอง (พ.ย)ได้เมื่อพระยาจักรพรรดิเกิด ทำการดีนักแล


สิ่งที่ห้ามในการปลูกเรือน
             อนึ่ง ท่านห้ามมิให้เอาเลื่อยลินตาเสา  ไม่ให้เอากบไสเสา ตีเสาตั้งอย่าให้เสมอรอด ขื่ออย่าให้ใหญ่กว่าหัวเสา อย่าให้ตัวเสาเกินกับ อย่าลดหัวเสาให้สั้นกว่ากัน รอดระเบียงให้เล็กกว่ารอดเรือนใหญ่ อย่าให้บั่นให้เพล่ ห้องเรือนเป็นเลห์ อย่าทำเรือนนอกแตก อย่าแหวกช่องกลางที่นอน อย่าทำเรือนคล่อมตอ อย่าคล่อมต้นไม้ มิดี ทั้งนี้ชั่วชื่อ ทนสมุทร แล
            ถ้าจะทำเรือน เอาต้นไม้ไว้ตะวันตก เอาปลายไม้ไว้ตะวันออก เอาต้นไม้ไว้ข้างใต้เอาปลายไม้ไว้ข้างเหนือ อันนี้เรียกว่าปลูกเรือนเป็น แล
            เรือนหลังหนึ่งอย่าทำประตูสี่แห่ง อย่าทำหน้าต่างเก้าแห่ง เป็นทวารทั้งเก้า และ ประตูบ้านอย่าทำให้ตรงเรือนชื่อปิดทวาร มิดี แล
            ถ้าจะปลูกเรือน วัดแต่ดินขึ้นไปถึงรอดเท่าเดี่ยว (ส่วนสูงของเรือนตั้งแต่พื้นถึงเพดาน) ดีนัก แล ถ้าเดี่ยวสูงกว่าพื้น แพ้เจ้าเรือนถ้าพื้นสูงกว่าเดี่ยวไร้ทรัพย์ แล ถ้าจะเจาะรูรอด วัดเสาลดสามส่วน เอาส่วนหนึ่งเป็นรอด แล
            ถ้าจะทำประตู เอาสามชั่วฝ่าเท้าเป็นกว้าง สูงนั้นเอาสองชั่วกว้างทบเข้าสิบเอ็ดส่วน เอาสิบส่วนดีนัก แล
            ถ้าจะทำประตูบ้าน เอากว้าง และยาวประสมกันเข้าเอา ๓ คูณ ๘ หาร ถ้าได้เศษ ๑,,,๔ ดีนัก และ ถ้าได้เศษ ๔,,๖ จะเสียทรัพย์ ถ้าได้ ๕ ชั่วกว่าเท้า ดีนัก แล

ข้อห้ามเกี่ยวกับบ้านตามคติโบราณ
1.   ห้ามมิให้ทำชื่อใหญ่กว่าหัวเสา       
2.   ห้ามมิให้ทำแหวกช่องกลางที่นอน
3.   ห้ามมิให้ทำเรือนคร่อมต้นไม้
4.   ไม่ควรสร้างบ้านแบบศาลพระภูมิ มี 2 ห้อง มีฝา 1 ห้องไม่มีฝา 1 ห้อง
5.   ไม่ควรสร้างบ้านมีระเบียง 4 ด้านเหมือนศาลาการเปรียญ
6.    ห้ามปลูกเรือนขวางตะวัน
7.    ห้ามปลูกเรือนขวางคลอง
8.    ห้ามทำเรือนมี 4 จั่ว
9.    เรือนหลังหนึ่งห้ามทำประตู 4 แห่ง หน้าต่าง 9 แห่ง ประตูไม่อยู่  กลางบ้าน
10.   จำนวนห้ามใช้จำนวนคู่
11.   บันไดไม่ลงทางทิศตะวันตก
12.   ไม่หันหัวเตียงทางทิศตะวันตก
13.   ไม่นอนขวางกระดาน
14.   ไม่ทำน้ำพุน้ำตกไหวเข้าตัวเรือน
15.   ไม่ทำทางลอดใต้ห้องน้ำห้องส้วม
16.   ไม่ทำอาคารพักอาศัยเป็นรูปตัว " T "
17.   ไม่ทำเรือนทะลุหน้าตลอดหลัง ถือเป็นเรือน "อกแตก"
18.   ไม่ทำภูเขาจำลองไว้ในบ้าน
19.   ไม่ทำทางเข้าออกคู่ไว้ตอนมุมของที่ดินที่ทางสามแพรกหรือสี่แยก
20.   ห้ามใช้ช่อฟ้า ใบระกา เครื่องวัด เครื่องหลวง เป็นส่วนประกอบของบ้าน
21.   ห้ามปลูกเรือนคล่อมตอ
22.   ห้ามตั้งศาลพระภูมิใต้เรือนเงา
23.   ห้ามทำบันไดเวียนซ้ายขาขึ้น
24.   ห้ามมีสัตว์ตกตายในหลุมตอม่อ


ปลูกต้นไม้บริเวณบ้าน ตามหลักโหราศาสตร์ 
สิทธิการิยะ ผู้ใดจะสร้างบ้านให้อยู่เย็นเป็นมงคลกับตนเอง ให้ปลูกต้นไม้ดังนี้
ทิศตะวันออก   ปลูกไม้ไผ่หรือต้นกุ่มหรือต้นมะพร้าว ไข้ร้ายมิพบพาน
ทิศตะวันออกเฉียงใต้   ปลูกต้นสารภีหรือต้นยอกันจัญไรดีนัก
ทิศใต้   ปลูกต้นมะม่วงหรือต้นมะพลับอายุยืนดี
ทิศตะวันตกเฉียงใต้   ปลูกต้นพิกุล ราชพฤษ์ ขนุน สะเดากันโทษดีแท้
ทิศตะวันตก   ปลูกต้นมะขาม มะยมกันผีกันขึ้นความ
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ   ปลูกต้นมะกรูดรูดผีสางนางไม้
ทิศเหนือ   ปลูกต้นพุดทราหรือต้นหัวว่านกันอาคม มีมนต์คุณ
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ   ปลุกต้นทุเรียนและขุดบ่อคงไว้กันศตรูมีชัย
ผู้ใดทำได้ดังนี้ คนจะเกรงขาม ทรัพย์สินจะมาตาม อยู่เย็นเป็นสุขสำราญดีนักแล

ต้นไม้ที่ส่งเสริมให้ปลูก ถือเป็นไม้มงคล
ทิศตะวันออก ปลูกไผ่ กุ่ม และมะพร้าว
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ปลูกต้นยอและสารภี
ทิศใต้ ปลูกมะม่วง มะพลับ
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ปลูกสะเดา ขนุน และพิกุล
ทิศตะวันตก ปลูกมะขาม มะยม
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ปลูกมะกรูด
ทิศเหนือ ปลูกพุดซา และหัวว่านต่างๆ
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปลูกทุเรียนและขุดบ่อ

ทิศที่ปลูกไม้เป็นมงคล  
สิทธิการิยะ ถ้าผู้ใดปรารถนาจะปลูกต้นไม้ให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้เกิดสิริมงคล ท่านให้ปลูกต้นไม้ต่อไปนี้ ในทิศต่าง ๆ ดังนี้
            ทิศบูรพา ให้ปลูกต้นไผ่ ต้นกุ่ม และต้นมะพร้าว ทิศอาคเณย์ ปลูกต้นยอ และสารภี ทิศทักษิณ ให้ปลูกต้นมะม่วง และต้นพลับ ทิศหรดี ท่านให้ปลูกต้นชัยพฤกษ์ ต้นขนุน ต้นพิกุล ทิศประจิม ให้ปลูกต้นมะขาม มะยม ทิศพายัพ ให้ปลูกต้นมะกรูด ทิศอุดรให้ปลูกต้น พุดซา และหัวว่านต่าง ๆ ทิศอิสาน ให้ปลูกต้นทุเรียน และขุดบ่อลงไว้ ผู้ใดทำได้ดังกล่าวนี้จะอยู่เย็นเป็นสุข จะเกิดทรัพย์สินเงินทอง ดีนัก 


ตำราขึ้นบ้านใหม่
      สิทธิการิยะ ถ้าแรกขึ้นบ้านใหม่ท่านให้ขึ้นในวันพุธ วันพฤหัส และวันศุกร์ ดีนักแล และให้เป็นไป หรือละเว้นตามทิศดังนี้
ขึ้นทิศบูรพาทิศตะวันออกจะเป็นความกัน
ขึ้นทิศอาคเนย์ทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะตายเร็ว
ขึ้นทิศทักษิณทิศใต้จะเสียของ
ขึ้นทิศหรดีทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะได้ลาภ
ขึ้นทิศปัจจิมทิศตะวันตกจะเจ็บไข้
ขึ้นทิศพายัพทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะสุขเหษมมีโชคดี
ขึ้นทิศอุดรทิศเหนือจะมีลูกมาก รักลูก
ขึ้นทิศอีสานทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะมีข้าวของมากมาย


ดูที่สูงที่ต่ำ
        สิทธิการิยะ ถ้าที่ใด สูงข้างตะวันออก ต่ำข้างตะวันตก ท่านว่าอย่าอยู่เลย มิดี ที่ใดสูงข้างประจิม ต่ำข้างคาคเณย์ ดีนักแล ที่ใดสูงทักษิณ ชื่อศุภราช ดีนัก สูงหรดี ต่ำพายัพ ดี สูงทักษิณ ต่ำอิสาน ดี สูงประจิม ต่ำบูรพา ที่นั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ อยู่ดี สูงทักษิณ ต่ำอุดร ดี สูงพายัพ ต่ำอาคเณย์ ดี ถ้าที่สูงรอบๆ ต่ำกลางเหมือนใบบัว อยู่เถิด ดีนักแล ท่านกล่าวไว้ในตำหรับโลกทั้งปวงจะสร้างบ้าน ปลูกเรือน เร่งพิจารณาดูพื้นที่อยู่ทั้งแปดทิศเถิด จะเจริญรุ่งเรืองแล

ปลูกเรือนตามวัน
ปลูกวันอาทิตย์จะเกิดทุกข์อุบาทว์
ปลูกวันจันทร์ทำได้สองเดือนจะได้ผ้าผ่อนและสิ่งของ
ปลูกวันอังคารทำแล้วสามวันจะเจ็บไข้หรือไฟไหม้
ปลูกวันพุธจะได้ลาภและผ้าผ่อนอันดี
ปลูกวันพฤหัสบดีเกิดสุขสำราญทำแล้วห้าเดือนจะได้ลาภ
ปลูกวันศุกร์ความทุกข์สุขก่ำกึ่ง หลังสามเดือนได้ลาภเล็กน้อย
ปลูกวันเสาร์จะเกิดพยาธิเลือดตกยามออก ทำเสร็จแล้วสี่เดือนจะยากลำบาก

การยกเสาเอก
การปลูกเรือนควรปรึกษาโหราจารย์ หาวันเวลาที่เป็นสิริมงคล ต้องจัดเตรียมเครื่องบูชาเสาไว้ให้พร้อม ในวันที่ยกเสาให้เตรียมเสาไว้ให้พร้อมและกล่าวเซ่นไหว้ หรือขอซื้อจากเจ้าที่เจ้าทาง หรือแม่พระธรณีเป็นพิธี ตลอดจนบอกพระภูมิเจ้าที่เตรียม เครื่องบัดพลี มีต้นกล้วยไว้มัดเสาเอก ซึ่งอาจต้องให้พระสงฆ์ผู้ทรงศีลแลชำนาญทางไสยศาสตร์ ลงยันต์นำแผ่ทอง หรือผ้าแดงมาผูกติดปลายเสา สำหรับผู้ที่ผูกนั้นจะเลือกสีตามวันเกิดของเจ้าของบ้านก็ได้ ครั้นได้ฤกษ์ให้เจิมเสาประพรมน้ำมนต์แล้วเอายันต์ปิดหัวเสา พอได้เวลาก็ลั่นฆ้องตีกลองเคาะระฆัง หรือจะโห่ 3 ลา แล้วช่วยกันยกเสาตั้งตรง ข้อสำคัญที่สุดนั้น เสาเอกหรือเสาขวัญต้องยกให้ตรงฤกษ์ที่หมอดูให้มา ตามจารีตประเพณีมาแต่โบราณสืบกันมา ดังพรรณนามาฉะนี้แล

ต้นไม้ที่ห้ามปลูกบริเวณบ้าน
ต้นโพธิ์ เพราะเป็นต้นไม้ประจำวัดวาอารามเท่านั้น
ต้นไทร เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่เกินไป รากอาจเป็นอันตรายกับฐานบ้าน
ต้นตะเคียน เพราะเป็นต้นไม้ที่เชื่อว่าผีนางอายนางไม้สิงอยู่
ต้นดอกทอง เพราะเป็นลางร้าย ทำให้คนในบ้านผิดประเวณีกัน
ต้นยาง  เพราะเป็นต้นไม้ที่คนโบราณนำไปทำหีบศพ
ทั้งนี้ให้พิจารณาดูว่า ต้นไม้หรือกอไม้ใดมีชื่อเรียกไม่เป็นมงคล ก็ห้ามนำมาปลูก เช่น ต้นโศก ต้นระกำ ต้นหวาย  กอไผ่รวก ต้นจำปาจำปี เป็นต้น

ต้นไม้ที่ห้ามปลูกในบ้าน
สิทธิการิยะ อันต้นไม้ที่ห้ามปลูกในบริเวณบ้านนั้นคือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นตาล ต้นมะกอก ต้นสำโรง ต้นมะงั่ว ต้นระกำ ต้นหวาย และต้นสลัดได เมื่อจะปลูกเรือนท่านให้ถางทิ้งเสียให้หมด จึงจะดี แล

 การทำบุญบ้านใหม่
การทำบุญขึ้นบ้านใหม่มีมานานตั้งแต่ครั้งพุทธกาล โดยเอาคติจากวรรณคดีและความเชื่อเพื่อเป็นสิริมงคล  ในการทำบุญขึ้นบ้านใหม่จะทำแบบพอเป็นพิธี หรือเป็นพิธีใหญ่ มีทำบุญเลี้ยงพระก็ก็ได้ แล้วแต่ฐานะของผู้เป็นเจ้าของบ้านการทำแบบพอเป็นพิธีนั้น เมื่อได้ฤกษ์ยามดีที่หาไว้หัวหน้าครอบครัวก็อัญเชิญพระประจำบ้าน ไปประฐานไว้ที่บูชาจุดธูปเทียนบูชา อธิษฐานขอคุณพระคุ้มครองให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข หรือจะนิมนต์พระสักรูปหนึ่ง มาประพรมน้ำพระพุทธ
มนต์ตามห้องต่าง ๆ ก่อนขนของเข้าไปอยู่ ก็จะสมบรูณ์ยิ่งขึ้นส่วนการทำแบบมีเลี้ยงพระ ก็ให้เจริญพระพุทธมนต์ แล้วถวายภัตตาหารหรือ เพิ่มการตักบาตร สำหรับการเตรียมการก็เช่นเดียวกับการทำบุญอื่น ๆ ทั่วไป เช่น มีบาตรที่บรรจุทราย 1 บาตร แป้งและน้ำหอมหรือน้ำอบ นำมาตั้งที่บูชาพิธีเริ่มเมื่อพระสงฆ์มาพร้อม หัวหน้าครอบครัวจุดธูปเทียนรับศีล พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ หากมีตักบาตร เมื่อพระสงฆ์สวดถึงบท "พาหุง"ให้ตักบาตรแล้วถวายอาหาร ถวายเครื่องไทยธรรม กรวดน้ำ ฟังพระสงฆ์อนุโมทนา ต่อจากนั้นทุกคนในพิธีเจ้ารับพรมน้ำมนต์จากพระสงฆ์ผู้เป็นประธาน ขณะนั้นพระสงฆ์อื่นจะเจริญมงคลคาถา เสร็จแล้วให้ใครสัก 2 คน ช่วยอุ้มบาตรน้ำมนต์ และบาตรทรายพร้อมแป้งกระแจะสำหรับเจิม นำหน้าพระสงฆ์ 1 รูป ไปพรมน้ำมนต์ตามห้องต่าง ๆ ถ้ามีการเจิมประตูบ้าน ก็นิมนต์พระท่านให้ทำในโอกาสนี้ก่อนจะโปรยทรายรอบบริเวณพื้นบ้าน ถือเป็นมงคลว่า เป็นทรายเงิน ทรายทอง ให้อยู่เย็นเป็นสุข ขับไล่ภูตผีปีศาจ ถือเป็นอันเสร็จพิธี...แล

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น